5 อาหารทานง่ายมีประโยชน์ที่ ม. ฮาร์วาร์ด แนะนำให้ทานทุกวัน
5 อาหารทานง่ายมีประโยชน์ที่ ม. ฮาร์วาร์ด แนะนำให้ทานทุกวัน

 

การจะเป็นเจ้าของร่างกายที่ดี มีสุขภาพที่แข็งแรง ส่วนสำคัญอยู่ที่ 3 สิ่ง นั่นคืออาหารที่เราทาน ออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ก่อนที่จะได้ออกกำลังกายก็ต้องทานอาหารที่ให้พลังงาน และมีสารอาหารที่มีประโยชน์กันก่อน Teresa Fung ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำ สาขาโภชนาการของคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา แนะนำอาหารที่ทานง่าย ดี และมีประโยชน์ต่อร่างกายที่ควรทานเป็นประจำทุกวัน หากเราทานได้ตามนี้ รับรองว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

5 อาหารทานง่ายมีประโยชน์ที่ ม. ฮาร์วาร์ด แนะนำให้ทานทุกวัน

  1. ปลาแซลมอน

    แม้ว่าจะเป็นปลาที่มีราคาอยู่สักหน่อยสำหรับบ้านเรา แต่เนื้อของปลาแซลมอนเต็มไปด้วยโปรตีนที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย และมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ดีต่อสุขภาพของหัวใจ และสมอง นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงกระดูกจากการมีวิตามินดีอีกด้วย หากไม่สามารถทานปลาแซลมอนทุกวันได้ อย่างน้อยของให้ลองทานราวๆ สัปดาห์ละครั้งก็พอจะให้ผลดีต่อร่างกายได้เหมือนกัน

    >> 10 ปลาไทยราคาบ้านๆ โอเมก้า 3 สูงไม่แพ้แซลมอน 
  2. กะหล่ำดาว

    บ้านเราอาจจะคุ้นเคยกับกะหล่ำขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือมากกว่ากะหล่ำเล็กๆ อย่างกะหล่ำดาว แต่กะหล่ำดาวเองมีขายตามตลาดบางแห่ง รวมถึงตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปในราคาที่พอจะเอื้อมถึงได้ เห็นเล็กๆ แบบนี้แต่กะหล่ำดาวเต็มไปด้วยสารอาหารดีๆ มากมาย แถมยังให้พลังงานต่ำ เพียง 28 กิโลแคลอรี่ต่อกะหล่ำดาว 1 ครึ่งถ้วยเท่านั้น ดังนั้นแทนที่จะทานกะหล่ำหัวใหญ่ๆ เราเลือกทานกะหล่ำดาวเล็กๆ แต่ได้คุณค่าทางอาหารใกล้เคียงกันจะดีกว่า ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค โพแทสเซียม โฟเลต รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ภายในร่างกาย จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเซลล์อักเสบ หรือผิดปกติ ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งได้ สามารถปรุงกะหล่ำดาวทานได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการต้ม ผัด แกง ทอด แต่หากไม่สามารถหากำหล่ำดาวมาทานได้จริงๆ สามารถเลือกทานกะหล่ำปกติได้
  3. บลูเบอร์รี่

    ผลไม้สีม่วงเข้มลูกเล็กๆ เหล่านี้ นอกจากจะมีรสเปรี้ยวอมหวานจนสามารถนำมาประกอบอาหารคาวหวานได้มากมาย ถูกอกถูกใจคนทุกเพศทุกวัยทุกเชื้อชาติแล้ว เห็นลูกเล็กๆ แบบนี้ เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี วิตามินเอ กากใยอาหารที่ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย และยังมีแคลอรี่ตำ เพียง 56 กิโลแคลอรี่ต่อบลูเบอร์รี่ 100 กรัมเท่านั้น หากไม่สามารถหาบลูเบอร์รี่ทานได้ สามารถเลือกทานผลไม้อย่าง ทับทิม เชอร์รี่ หรือทานบลูเบอร์รี่แช่แข็งที่มีขายอยู่ตลอดทั้งปีคุ่กับโยเกิร์ตรสธรรมชาติก็ได้
  4. ถั่ว

    สารพัดถั่วที่เรารู้จัก และสามารถทานได้ เป็นแหล่งโปรตีน และแหล่งพลังงานชั้นดีที่เราควรทานเป็นประจำทุกวัน เพราะนอกจากโปรตีนแล้ว ถั่วยังมีไขมันดี และวิตามินอีที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย ไม่ว่าจะถั่วประเภทไหน อัลมอนด์ วอบนัท ถั่วลิสง ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ฯลฯ ก็ดีต่อสุขภาพด้วยกันทั้งนั้น แต่อาจจะต้องระวังสักนิดว่า ถั่วเป็นอาหารที่ให้พลังงาน อย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พิสตาชิโอ หรือแมคคาเดเมีย 1 ถ้วย อาจให้พลังงานสูงถึง 200 กิโลแคลอรี่ได้เลยทีเดียว ดังนั้นอย่าเผลอทานมากจนเกินไปแล้วกัน
  5. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ

    โยเกิร์ตอาจจะดูมีประโยชน์มากกว่านมสดเล็กน้อยตรงที่โยเกิร์ตมีมีโพรไบโอติกส์ที่เป็นแบคทีเรียที่ดีต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย และยังมีสารพัดสารอาหารที่ดีต่อร่างกายอย่าง โปรตีน แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินบี 12 และกรดไขมันดีที่คอยรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ หากเลือกทานโยเกิร์ตประเภทที่มีโปรตีนสูง ก็จะยิ่งช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เป็นอาหารที่ดีสำหรับใครที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนัก แต่ระวังอย่าทานโยเกิร์ตที่มีการเพิ่มรสชาติอื่นๆ เข้ามา เพราะโยเกิร์ตเหล่านั้นอาจมีปริมาณน้ำตาลมากเกินไป นอกจากนี้หากทานโยเกิร์ตคู่กับบลูเบอร์รี่ หรือผลไม้อื่นๆ (ที่น้ำตาลไม่สูง) ก็ยิ่งเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการเข้าไปอีก

หากทานอาหารเหล่านี้ได้ทุกวัน แล้วยังออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ และพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอ ไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ว่าอย่างไรสุขภาพที่ดีต้องเป็นของคุณในไม่ช้าแน่นอน

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ

iStock, Harvard Health Publishing และ https://www.sanook.com/health/12497/