ประกาศสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
การรับสมัครทุนชุดโครงการวิจัยพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์
“ความหลากหลายทางชีวภาพ”
ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ Chinese Academy of Sciences (CAS) ประจำปีงบประมาณ 2561
หลักการและเหตุผล
ฝ่ายวิชาการ สกว. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างเครือข่ายงานวิจัยระดับนานาชาติ และการสร้างพันธมิตรวิจัย เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการยกระดับความเข้มแข็งทางวิชาการให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ในการนี้ สกว. ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับ Chinese Academy of Sciences (CAS) ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิจัยไทย และนักวิจัยจากสาธารณรัฐประชาชนจีนด้านความหลากหลายทางชีวภาพได้แลกเปลี่ยนความรู้และสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยในโจทย์วิจัยที่เป็นความสนใจร่วมกัน โดยภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือนี้ ฝ่ายวิชาการ สกว. และ CAS จะจัดให้มี Joint Workshop on Science and Technology Cooperation: Biodiversity ต่อเนื่องเพื่อเปิดโอกาสให้นักวิจัยไทย และนักวิจัยจากสาธารณรัฐประชาชนจีนด้านความหลากหลายทางชีวภาพนำเสนอผลงานวิจัย แลกเปลี่ยนความรู้และสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยในโจทย์ที่เป็นความสนใจร่วมกัน และเกิดเป็นโจทย์วิจัยของภูมิภาคและของโลก
ในปีงบประมาณ 2561 ฝ่ายวิชาการ สกว. เห็นชอบให้มีการสนับสนุนทุนชุดโครงการวิจัยพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Basic Research) ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีการกำหนดหัวข้อหลัก 4 หัวข้อคือ 1) การวิเคราะห์ความหลากหลายทางชีวภาพเชิงการสำรวจไปจนถึงการจัดทำบัญชีรายการเชิงลึก (Inventory Biodiversity) 2) การศึกษาระบบนิเวศวิทยา ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม หรือแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติเช่น ดิน น้ำ ป่า 3) ชีวผลิตภัณฑ์จากฐานความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity-based Bioproducts) 4) การแปลงฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพไปสู่ข้อมูลดิจิทัล (Digitization of Biodiversity)
สกว. คาดหวังว่าการสนับสนุนทุนวิจัยในครั้งนี้จะเป็นการสร้างเสริมศักยภาพของนักวิจัยไทยที่จะสร้างองค์ความรู้ใหม่ของโลก การส่งเสริมและพัฒนาการจัดการองค์ความรู้ การพัฒนาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูลให้เป็นมาตรฐานสากล รวมถึงการต่อยอดงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDGs)
วัตถุประสงค์
- เพื่อรวมกลุ่มการวิจัยพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ กระตุ้นให้เกิดเครือข่ายและความร่วมมือของนักวิจัยที่ทำงานในสาขาที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการทำงานเป็นทีมซึ่งมีเป้าหมายเดียวกัน ทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ
- เพื่อสนับสนุนให้มีการสร้างองค์ความรู้ใหม่ และนำองค์ความรู้และนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในเชิงวิชาการ เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม พาณิชย์ รวมถึงด้านชุมชนและสังคม
- เพื่อสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถด้านการวิจัยของประเทศ และสร้างความเข้มแข็งให้กับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัยของประเทศไทย
หลักเกณฑ์การจัดสรรทุนวิจัย
1. ขอบเขตของงานวิจัยที่ให้การสนับสนุน
สกว. โดยฝ่ายวิชาการ ได้กำหนดกรอบเพื่อสนับสนุนการวิจัยแบบมีทิศทางจากข้อมูลงานวิจัยพื้นฐานที่เข้มแข็งที่ดำเนินการมาแล้วสู่การต่อยอดการวิเคราะห์เชิงลึก และการมุ่งสู่การใช้ประโยชน์ ดังนี้
-
การวิเคราะห์ความหลากหลายทางชีวภาพเชิงการสำรวจไปจนถึงการจัดทำบัญชีรายการเชิงลึก (Inventory Biodiversity)
การวิจัยความหลากหลายของสปีชีส์ พันธุกรรมของพืช สัตว์ จุลินทรีย์ในระบบนิเวศต่างๆ ในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียงในอาเซียน ที่ใช้ข้อมูลจากงานอนุกรมวิธานดั้งเดิมนำไปสู่การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการ (phylogenetic relationships) ด้วยลักษณะทางสัณฐานวิทยาและชีวโมเลกุล (morphology and molecular characteristics) ตลอดจนการจัดทำบัญชีรายการและฐานข้อมูลด้วยเทคนิคสมัยใหม่ จากข้อมูลทางสัณฐานสู่ข้อมูลเชิงดิจิทัล (digitization)
- การศึกษาระบบนิเวศวิทยา ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม หรือแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติเช่น ดิน น้ำ ป่า
-
ชีวผลิตภัณฑ์จากฐานความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity-based Bioproducts)
งานวิจัยด้านผลิตภัณฑ์ ผลผลิต อาจเป็นได้ทั้งงานวิจัยวัตถุดิบ (raw material) กระบวนการผลิต หรือผลิตภัณฑ์สุดท้าย (final product) ซึ่งต้องมีต้นกำเนิดจากทรัพยากรทางชีวภาพ (natural-resource derived) ทั้งพืช สัตว์และจุลินทรีย์ โดยการต่อยอดจากพื้นความรู้ (basic knowledge) และ/หรือ ข้อมูลในฐานข้อมูล (database) ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) งานวิจัยต้องแสดงให้เห็นถึงการใช้ประโยชน์ และ/หรือ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของความหลากหลายของทรัพยากรทางชีวภาพอย่างยั่งยืน โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี หรือการสร้างนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพทั้งเชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรม ทั้งทางด้านการแพทย์ เภสัช อาหาร เครื่องสำอางและเทคโนโลยีชีวภาพ
-
การแปลงฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพไปสู่ข้อมูลดิจิทัล (Digitization of Biodiversity)
การจัดแปลงข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพทั้งจากฐานข้อมูลเชิงสัณฐานวิทยา ชีวโมเลกุล ไปเป็นข้อมูลเชิงดิจิทัลด้วยเทคนิคสมัยใหม่ ทั้งนี้อาจเป็นการวิจัยร่วมกันกับโครงการในข้อ 1
2. ลักษณะโครงการวิจัยที่เสนอขอรับทุน
- 2.1 เป็นโครงการวิจัยที่ดำเนินการในประเทศไทยเป็นหลัก และมีการสำรวจสถานภาพองค์ความรู้และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่มีการตีพิมพ์แล้วอย่างครบถ้วนและครอบคลุม เป็นการวิจัยเพื่อหาองค์ความรู้ใหม่อย่างแท้จริง ไม่เป็นการวิจัยซ้ำกับองค์ความรู้ที่มีอยู่แล้วหรือถ้าเป็นการวิจัยเพื่อยืนยันข้อสรุปเดิมที่มีอยู่แล้วก็ต้องมีการใช้ข้อมูลใหม่ มีการตีความใหม่และ/หรือมีการสร้างระเบียบวิธีใหม่
- 2.2 มีการนิยามปัญหา และจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนและมีเหตุผลแสดงว่าการแสวงหาความรู้ใหม่ของโครงการที่เสนอจะเป็นทั้งการเสริมสร้างความสามารถในการวิจัยให้แก่นักวิจัยและสร้างองค์ความรู้ที่จะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ
- 2.3 เป็นโครงการวิจัยที่ผ่านความเห็นชอบจากสถาบันต้นสังกัดของผู้เสนอขอรับทุน โดยสถาบันต้นสังกัดของผู้เสนอขอรับทุนจะต้องให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกแก่โครงการวิจัยที่ได้รับทุน
- 2.4 ในกรณีที่โครงการวิจัยมีการพัฒนาความร่วมมือด้านการวิจัยร่วมกับนักวิจัยจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจะได้รับการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ โดยโครงการที่มีความร่วมมือกับนักวิจัยจาก Chinese Academy of Sciences (CAS) นักวิจัยรุ่นใหม่ในโครงการจะมีโอกาสในการสมัครขอรับทุนประเภท mobility จาก CAS เพิ่มเติม
- 2.5 ผลงานวิจัยที่คาดว่าจะได้รับ
- 2.5.1 ผลงานวิจัยที่ได้ต้องสามารถตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติที่อยู่ในฐานข้อมูล Web of Science ควอไทล์ที่ 1-3 หรือในฐานข้อมูล Scopus ควอไทล์ที่ 1-2 หรือการยื่นจดสิทธิบัตร
- 2.5.2 ผลงานวิจัยที่ได้ต้องมีศักยภาพสูงในการพัฒนาต่อยอดไปสู่การนำไปใช้ประโยชน์ด้านวิชาการ ด้านพาณิชย์ ด้านนโยบาย ด้านสาธารณะ หรือด้านชุมชนและพื้นที่
ทั้งนี้ผลงานวิจัยต้องไม่ถือเป็นความลับยกเว้นในกรณีที่จะมีการยื่นจดทะเบียนสิทธิบัตร โดยการตีพิมพ์และเผยแพร่ผลงานให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ผู้รับทุนสามารถนำไปตีพิมพ์หรือเผยแพร่ในรูปแบบอื่นได้โดยขอให้ระบุแหล่งทุนสนับสนุนด้วยทุกครั้ง
3. คุณสมบัติของนักวิจัยหลัก วงเงินทุนวิจัย ระยะเวลาดำเนินการ และผลงานที่ได้จากโครงการ
สกว. จะพิจารณาสนับสนุนทุนในวงเงินที่สอดคล้องกับคุณสมบัติของนักวิจัย และผลงานที่ได้จากโครงการดังนี้
- 3.1 ทุนสำหรับนักวิจัยและอาจารย์รุ่นใหม่
- นักวิจัยหลัก (PI) เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกหรือเทียบเท่า ทำงานประจำสังกัดอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานในประเทศไทย มีผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ โดยมีผลงานตีพิมพ์ในฐานข้อมูลระดับนานาชาติที่เป็นที่ยอมรับ ไม่น้อยกว่า 1 เรื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี ค.ศ. 2013-2017)
- วงเงินไม่เกิน 600,000 บาท ระยะเวลาของทุนไม่เกิน 2 ปี ซึ่งค่าตอบแทนนักวิจัยหลักไม่เกิน 13,000 บาทต่อเดือน
- ไม่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารตั้งแต่ระดับหัวหน้าภาควิชาขึ้นไปและมีเวลาทำวิจัยไม่น้อยกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- จะต้องมีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติอย่างน้อย 1 บทความที่อยู่ในฐานข้อมูล Web of Science ควอไทล์ที่ 1-3 หรือในฐานข้อมูล Scopus ควอไทล์ที่ 1-2 หรือการยื่นจดสิทธิบัตร โดย สกว. สนับสนุนการผลิตผลงานที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาต่อยอดไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านวิชาการ ด้านพาณิชย์ ด้านนโยบาย ด้านสาธารณะ หรือด้านชุมชนและพื้นที่
- 3.2 ทุนสำหรับนักวิจัยและอาจารย์รุ่นกลาง
- นักวิจัยหลัก (PI) เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกหรือเทียบเท่า ทำงานประจำสังกัดอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานในประเทศไทย มีผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ โดยมีผลงานตีพิมพ์ในฐานข้อมูลระดับนานาชาติที่เป็นที่ยอมรับ ไม่น้อยกว่า 2 เรื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี ค.ศ. 2013-2017)
- วงเงินไม่เกิน 1,500,000 - 3,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและคุณภาพของโครงการ ระยะเวลาของทุนไม่เกิน 3 ปี โดยค่าตอบแทนนักวิจัยหลักไม่เกิน 20,000-25,000 บาทต่อเดือน
- นักวิจัยหลักของโครงการที่ผ่านการประเมินในเบื้องต้นจะได้รับเชิญให้มานำเสนอโครงการแบบบรรยายต่อคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อการพิจารณาสนับสนุนโครงการ
- ไม่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารตั้งแต่ระดับคณบดีขึ้นไปและมีเวลาทำวิจัยไม่น้อยกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- โครงการจะต้องมีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติอย่างน้อย 2-3 บทความที่อยู่ในฐานข้อมูล Web of Science ควอไทล์ที่ 1-3 หรือในฐานข้อมูล Scopus ควอไทล์ที่ 1-2 หรือการยื่นจดสิทธิบัตร และสามารถผลิตผลงานที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาต่อยอดไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านวิชาการ ด้านพาณิชย์ ด้านนโยบาย ด้านสาธารณะ หรือด้านชุมชนและพื้นที่ ทั้งนี้ผลงานจากโครงการจะขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของโครงการ
ทั้งนี้ทุนทั้งสองระดับ ในช่วงเวลาที่รับทุนนักวิจัยหลัก จะต้องไม่รับทุนทำวิจัยหลายโครงการในเวลาเดียวกัน และหากมีความจำเป็นต้องรับทุนจากแหล่งทุนอื่นเพิ่มเติมต้องแสดงเหตุผลที่ชัดเจนว่าการรับทุนนั้นเป็นการเสริมเพื่อให้โครงการมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และหมวดงบประมาณจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกัน
4. การประเมินข้อเสนอโครงการและกลไกในการติดตามประเมินผล
- 4.1 การประเมินข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อจัดสรรทุน เป็นการศึกษารายละเอียดข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้ทั้งในด้านวิชาการ งบประมาณ ผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบโดย "คณะกรรมการประเมินข้อเสนอโครงการ" และใช้ "ผู้ตรวจสอบข้อเสนอโครงการ" (reviewer) ภายนอกร่วมด้วย ดังนั้นหากกลุ่มผู้เสนอโครงการวิจัยมีความเห็นว่าควรส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิท่านใดพิจารณา กรุณาระบุท้ายข้อเสนอโครงการด้วยพร้อมทั้งข้อมูลเท่าที่มีเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญของผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละท่านและความเกี่ยวพัน (ถ้ามี) กับนักวิจัยในโครงการ โดยเสนอชื่อผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 2-3 ท่าน คณะกรรมการอาจจะใช้ผู้ทรงคุณวุฒิที่ผู้เสนอโครงการแนะนำมาหรือไม่ก็ได้ ผลการพิจารณาของคณะกรรมการเป็นประการใด ให้ถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ยื่นขอทุนจะอุทธรณ์มิได้ สำหรับผู้เสนอโครงการทุนสำหรับนักวิจัยหรืออาจารย์รุ่นกลางที่ผ่านการประเมินในเบื้องต้นจะได้รับเชิญให้มาเสนอโครงการแบบบรรยายต่อคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อพิจารณาการสนับสนุนโครงการ ทั้งนี้หากผู้เสนอโครงการไม่สามารถมานำเสนอโครงการด้วยตนเองได้ สกว. ขอสงวนสิทธิถือว่าผู้เสนอโครงการสละสิทธิ์
- 4.2 การติดตามและประเมินผลโครงการวิจัยที่ได้รับทุนแต่ละโครงการเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าของการดำเนินงานกับเป้าหมายของแผนการดำเนินงาน รวมทั้งตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของแต่ละโครงการวิจัย โดยคณะกรรมการประเมินและผู้ทรงคุณวุฒิ มีการดำเนินการในรูปแบบต่อไปนี้
- หัวหน้าโครงการวิจัยผู้รับทุน รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการวิจัยด้วยเอกสาร และนำเสนอผลงานแบบบรรยายตามระยะเวลาที่กำหนด
- ตรวจเยี่ยมโครงการ เพื่อรับทราบสภาพการทำงาน ปัญหาอุปสรรค เพื่อให้ข้อแนะนำ และหามาตรการในการแก้ปัญหาได้ถูกต้องและทันเวลา
- จัดประชุมทางวิชาการเพื่อให้หัวหน้าโครงการวิจัยผู้รับทุนนำเสนอผลงานแบบบรรยายเมื่อดำเนินงานไประยะหนึ่ง และมีผลงานก้าวหน้าพอสมควร
5. การทำสัญญารับทุน
สัญญารับทุนเป็นการร่วมลงนาม 3 ฝ่าย คือ ผู้ให้ทุน (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย) ผู้รับทุน (สถาบันต้นสังกัดของหัวหน้าโครงการวิจัยผู้รับทุน) และหัวหน้าโครงการวิจัยผู้รับทุน
6. เงื่อนไขต่อสถาบันต้นสังกัด
สถาบันต้นสังกัดต้องเห็นชอบการสนับสนุนทุนวิจัยตลอดโครงการ และจะไม่หักเงินทุนเป็นค่าใช้จ่ายทางอ้อม (indirect or overhead cost) ใดๆ ทั้งสิ้น
8. การสมัครและกำหนดเวลาเสนอโครงการ
การสมัครขอให้สมัครผ่านทางอีเมล์ saengpetch@trf.or.th โดยกรอกข้อมูลตามที่กำหนดและแนบไฟล์ซึ่งเป็น PDF ไฟล์ ดังนี้
- 7.1 แบบเสนอโครงการวิจัยซึ่งประกอบด้วยบทคัดย่อและข้อเสนอโครงการวิจัย (ภาษาอังกฤษ)
- 7.2 หน้าแรกของ reprint ของนักวิจัยหลักที่เป็นผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติภายใน 5 ปีที่ผ่านมา (ปี ค.ศ. 2013 ถึงปัจจุบัน)
- 7.3 ข้อมูลประวัติของนักวิจัยหลักและนักวิจัยร่วมโครงการ (ภาษาอังกฤษ)
- 7.4 แบบฟอร์มการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย (ภาษาไทย)
เปิดรับข้อเสนอโครงการตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2561 หมดเขตรับข้อเสนอโครงการวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561 โดยจะแจ้งผลการพิจารณาให้ทราบภายในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561
ประกาศ ณ วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2561
(ศ.นพ. สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ)
ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
ติดต่อสอบถาม
ฝ่ายวิชาการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
อาคารเอส เอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 14 เลขที่ 979 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทรศัพท์ 0-2278-8254 โทรสาร 0-2278-8248
E-mail : saengpetch@trf.or.th
➥ เอกสารประกาศและแบบฟอร์มสามารถดาวน์โหลดได้จากเอกสารแนบ (Attachments) ด้านล่างนี้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ
https://www.trf.or.th/232-trf-announcement/trf-grants-and-funding-announcement/ard/11782-trf-cas-call-for-papers-biodiversity