นักวิจัยเตือนอย่าประมาท ไทยยังมีความเสี่ยง รับมือด้วยมาตรการทางโครงสร้างและกฎหมาย

ซึ่งอาคารบางลักษณะอาจมีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหว เช่น ตึกแถวที่มีลักษณะเสาเล็กแต่คานใหญ่ อาคารพื้นท้องเรียบไร้คาน อาคารสูงที่มีลักษณะไม่สมมาตรหรือที่ชั้นล่างเปิดโล่ง อาคารที่ก่อสร้างด้วยระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่ข้อต่อไม่แข็งแรง อาคารที่ทำการต่อเติมและทำทางเดินเชื่อมต่อกัน ดังนั้นเพื่อให้ความเกิดความปลอดภัย จึงควรเตรียมความพร้อมรับมือโครงสร้างอาคารให้แข็งแรง โดยอาคารที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนักความต้านทานความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ที่เริ่มใช้บังคับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา และวิศวกรผู้ออกแบบจะต้องใช้มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านแผ่นดินไหวที่ออกโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง (มยผ.1302) ส่วนอาคารเก่าที่ก่อสร้างก่อนปี 2550 ต้องประเมินอาคารเพื่อตรวจสอบสมรรถนะในการต้านแผ่นดินไหว และหาทางเสริมความแข็งแรงอาคารในกรณีที่ตรวจพบว่าอาคารไม่แข็งแรงพอ ซึ่งการเสริมความแข็งแรงอาคารทำได้หลายวิธี”

ด้าน ผศ. ดร. ภาสกร ปนานนท์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งได้ส่งทีมวิจัยลงพื้นที่ไปดำเนินการติดตั้งเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวในบริเวณใกล้เคียงการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ในพื้นที่จังหวัดน่าน จำนวน 4 สถานี เพื่อติดตามการเกิดอาฟเตอร์ช็อค กล่าวว่า พบการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กจำนวนมากในพื้นที่รอบ ๆ ศูนย์กลางแผ่นดินไหว และกำลังศึกษากลไกลการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้เพื่อใช้ในการประเมินผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่มีต่อรอยเลื่อนมีพลังในบริเวณใกล้เคียงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต่อไป เพื่อช่วยสนับสนุนการวางแผนลดผลกระทบจากแผ่นดินไหวในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อไปในอนาคต

สำหรับแนวทางการตรวจสอบอาคารและสิ่งปลูกสร้างหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว นายวสวัตติ์ กฤษศิริธีรภาคย์ นายกสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร เผยว่าต้องตรวจสอบ

  1. สิ่งของที่ร่วงหล่นได้ การร่วงหล่นของสิ่งของรอบอาคาร เช่น เครื่องปรับอากาศ กระถางต้นไม้ วัสดุอาคาร
  2. ลิฟต์ ขณะลิฟต์วิ่งมีการติดขัดหรือมีความสั่นสะเทือนผิดปกติหรือไม่
  3. ท่อน้ำ ในช่องท่อน้ำแนวดิ่ง ได้แก่ ท่อน้ำประปา ท่อน้ำระบบปรับอากาศ ว่ามีท่อแตกรั่วซึมหรือไม่
  4. ท่อก๊าซหุงต้ม ทั้งที่ตั้งถังก๊าซและตลอดแนวท่อก๊าซ ว่ามีการรั่วซึมหรือมีกลิ่นก๊าซหุงต้มหรือไม่
  5. สายไฟฟ้าและตัวนำไฟฟ้าแนวดิ่งในห้องไฟฟ้าประจำชั้น มีการลัดวงจร กลิ่นไหม้ ความร้อน หรือมีสิ่งผิดปกติหรือไม่ กรณีอาคารที่ใช้บัสดักแทนสายไฟให้ตรวจความเสียหายของอุปกรณ์ทั้งหมด เพราะหากอาคารเลือกใช้บัสดักที่ไม่รองรับแผ่นดินไหว อาจจะทำให้ฉนวนของบัสดักเสียหายและเมื่อใช้อาจจะระเบิดได้
  6. ท่อระบายความร้อนและถังเก็บน้ำดาดฟ้า ตรวจสอบความเสียหาย ความมั่นคงแข็งแรง มีการแตกร้าว น้ำรั่ว ยึดติดมั่นคงแข็งแรงอยู่กับฐานหรือไม่
  7. ตรวจสอบระบบดับเพลิง ท่อน้ำดับเพลิง สปริงเกอร์ วาล์วควบคุมการจ่ายน้ำ ต้องอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง
  8. กรณีอาคารที่กำลังปรับปรุงอาคารหรือกำลังก่อสร้าง และงานที่มีความร้อน ต้องตรวจสอบการรั่วไหลของก๊าซในอาคารและความพร้อมของระบบป้องกันเพลิงไหม้ก่อนทำงาน
  9. อาคารขนาดใหญ่และอาคารสูง ควรได้รับการตรวจสอบอาคารโดยผู้ตรวจสอบอาคารหรือผู้มีความรู้ด้านงานตรวจสอบอาคารก่อนใช้งานอาคาร

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ

https://www.tsri.or.th/th/news/detail/425