ภาวะโลกร้อนส่งผลให้สภาพอากาศแปรปรวน เกิดฝนตก น้ำท่วม ภัยแล้ง ลมแรง พืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะข้าวได้รับความเสียหายต้นหักล้มให้ผลผลิตน้อย เพื่อเตรียมรับกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร(สวก.) และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้สนับสนุนทุนให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้และกรมการข้าว พัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ข้าว กข 15 ขาวดอกมะลิ 105 และข้าวพันธุ์สังข์หยดพัทลุง ซึ่งปลูกได้ปีละครั้งให้สามารถปลูกได้ทุกฤดู

ผศ.ดร.วราภรณ์ แสงทอง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่า ด้วยข้าวทั้ง 3 สายพันธุ์ เป็นข้าวที่ได้รับการนิยมบริโภคและมีมูลค่าสูง อีกทั้งเป็นพันธุ์ข้าวที่ปลูกกันมากโดยเฉพาะ กข 15 และ ขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งมีข้อด้อยในเรื่องเป็นข้าวพันธุ์ไวแสง ต้องการแสงแดดเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่กลางคืนยาวกว่ากลางวันในการออกดอก เลยทำให้ปลูกได้แค่ปีละครั้งเดียว ประกอบกับข้าวทั้ง 3 สายพันธุ์นี้เป็นข้าวต้นสูง ถูกลมพัดต้นข้าวหักล้มง่ายและประเทศไทยมีปัญหาขาดแคลนแรงงานในอนาคตมีแนวโน้มจะต้องหันไปพึ่งรถเก็บเกี่ยวข้าวมากขึ้น ถ้าต้นข้าวยังสูงหักล้มง่ายรถจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้

ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้จึงปรับปรุงพันธุ์ข้าวทั้ง 3 สายพันธุ์ โดยนำพันธุ์ข้าวเหนียว กข 6 ซึ่งมีลักษณะต้นเตี้ยและไม่ไวแสงเป็นพันธุ์พ่อและนำข้าวทั้ง 3 สายพันธุ์มาเป็นพันธุ์แม่ มาปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิธีผสมกลับแบบใช้เครื่องหมายโมเลกุลช่วยในการคัดเลือกพันธุ์

หลังจากปรับปรุงพันธุ์มา 3 ปี ได้ผลตรงตามที่ต้องการ คือได้ข้าว กข 15 ขาวดอกมะลิ 105 และข้าวพันธุ์สังข์หยดพัทลุง เป็นพันธุ์ข้าวไม่ไวแสง ไม่จำเป็นต้องพึ่งแสงแดดในช่วงฤดูหนาวอีกต่อไป สามารถปลูกได้ทั้งปีทุกฤดูและมีลักษณะต้นเตี้ย โดยยังคงรสชาติ สี กลิ่น ความนุ่มหอมเหมือนเดิมทุกประการ

แต่ผลสำเร็จครั้งนี้ยังอยู่ในขั้น แปลงนาทดลองเท่านั้น ยังจะต้องส่งพันธุ์ข้าวใหม่ทั้ง 3 สายพันธุ์ให้ศูนย์วิจัยข้าวแพร่, เชียงรายและพัทลุง ในสังกัดกรมการข้าวทดสอบยืนยันผลผลิตให้ได้ผลเป็นที่แน่นอนอีกครั้ง ถึงจะนำพันธุ์ข้าวส่งเสริมให้เกษตรกรได้ต่อไป.

ขอขอบคุณ
ที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
http://www.thairath.co.th/content/edu/372001