สำนักข่าวไทย 8 ม.ค.-คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลนักวิจัยไทย และไต้หวัน ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวิธีการตรวจแบคทีเรียสาเหตุกุ้งตายด่วน (EMS) ได้เป็นครั้งแรกของโลก โดยไม่มีการจดสิทธิบัตร เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ได้แพร่หลาย
ศาสตราจารย์ ดร.ศกรณ์ มงคลสุข คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และดร.กัญญวิมว์ กีรติกร ผู้อำนวยการไบโอเทค ร่วมแถลงความสำเร็จของคณะนักวิจัยไทย นำโดย ศ.ดร.ทิมโมที เฟลเกล ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยวิจัยเพื่อความเป็นเลิศเทคโนโลยีชีวภาพกุ้ง และคณะนักวิจัยไต้หวัน ที่สามารถพัฒนาวิธีการตรวจแบคทีเรียสาเหตุกุ้งตายด่วน EMS ได้เป็นครั้งแรกของโลก ด้วยเทคนิคพีซีอาร์ ที่รู้ผลได้รวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมง โดย 4 ขั้นตอนหลักในการตรวจกุ้งตายด่วน ได้แก่ การนำดีเอ็นเอจากกระเพาะกุ้ง มาใส่ในน้ำยาพีซีอาร์ที่มีไพรเมอร์ตรวจเชื้อแบคทีเรียที่นักวิจัยได้ค้นพบขึ้น ในขั้นตอนที่ 3 จะมีการทำปฏิกริยาในเครื่องซีพีอาร์ แล้วจึงรู้ผลในขั้นตอนสุดท้าย
นักวิจัยกล่าวว่าไม่มีการจดสิทธิบัตรงานวิจัยครั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรไทยและประชาคมโลก สามารถนำไปใช้ในการตรวจหาเชื้อก่อโรคในพ่อพันธุ์แม่พันธุ์และคัดกรองลูกกุ้งก่อนปล่อยลงบ่อดิน ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียและการระบาดของโลกดังกล่าว ทั้งยังช่วยลดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเชื้อก่อโรค และลดความเสี่ยงในการระบาดของแบคทีเรียชนิดนี้ต่อไป ทั้งนี้ ปัญหากุ้งตายด่วนหรือกุ้ง EMS เริ่มมีการระบาดครั้งแรกในจีน ปี 2552 และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วสู่ประเทศเวียดนาม มาเลเซีย และไทย ตามลำดับ
ด้วยเล็งเห็นถึงผลกระทบของโรคระบาดนี้ต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งในระดับโลก และความเร่งด่วนที่จะต้องควบคุมการระบาด คณะนักวิจัยจึงได้เปิดเผยข้อมูลต่างๆ ทั้งวิธีการ และลำดับเบสในการออกแบบไพรเมอร์สำหรับตรวจหาเชื้อดังกล่าวสู่สาธารณะ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำวิธีการไปใช้เพื่อลดความเสี่ยงการระบาดของโรคได้อย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้ ในประเทศไทยงานวิจัยนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างหน่วยวิจัยเพื่อความเป็นเลิศเทคโนโลยีชีวภาพกุ้ง (Centex Shrimp), มหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาและคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากนี้ยังได้รับทุนสนับสนุนงานวิจัยในปี 2554 จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สวทช.มหาวิทยาลัยมหิดล ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งปัตตานี ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัท ซายอาคควาสยาม จำกัด และ ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ส่วนหน่วยงานในไต้หวัน ได้แก่ สภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติไต้หวัน, มหาวิทยาลัยแห่งชาติเชงกุง, มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน และบริษัทยูนิเพรสซิเดนท์ เอนเตอร์ไพรส์
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ http://www.mcot.net/site/content?id=52ccfbdd150ba0aa650000c1#.Uti9XNJdWLc
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROMFpXTXdNVEE1TURFMU53PT0=