สวทน. ผุด Talent Mobility หวังเคลื่อนนักวิจัยจากภาครัฐสู่อุตสาหกรรมระดับชาติ ปิดช่องว่างความรู้ด้าน วทน. เปิดตัวปฏิบัติการ 26 มี.ค.นี้
ดร.พิเชษ ดุรงคเวโรจน์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ปัจจุบันแวดวงธุรกิจสายงานการผลิตด้านอุตสาหกรรม ตลอดถึงสายงานด้านการบริการ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือแม้แต่ธุรกิจขนาดย่อม( SME) ต้องปรับตัวเองอย่างมากเพื่อให้อยู่รอด แต่เดิมบริษัทข้ามชาติและบริษัทร่วมทุนได้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการผลิต แต่ปัจจุบันประเทศไทยมีคู่แข่งในการรองรับการลงทุนจากต่างประเทศในการเป็นฐานการผลิต เนื่องจากค่าแรงของไทยสูงขึ้น บริษัทขนาดใหญ่ได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันมากขึ้น ทำให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยเน้นการทำกิจกรรมด้านความรู้ในองค์กรหน่วยงานอย่างเข้มข้นมากขึ้น ด้วยการวิจัยและพัฒนาเพื่อผลิตสินค้าให้มีคุณภาพที่สูงขึ้น เน้นความแตกต่างของสินค้าและมีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนในการผลิต
“การปรับตัวของบริษัทไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ กลางหรือขนาดย่อม และแม้แต่บริษัทข้ามชาติ ต่างจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขึ้นในองค์กรตัวเองมากขึ้น รวมถึงยังเกิดแนวโน้มอุทยานวิทยาศาสตร์ของภาคเอกชน ส่งผลให้เกิดความต้องการบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในภาคการผลิตและบริการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งบุคลากรด้านนี้ส่วนใหญ่ที่ทำงานด้านการวิจัยและพัฒนาส่วนใหญ่อยู่ในภาครัฐและภาคอุดมศึกษาถึงร้อยละ 73 อยู่ในภาคเอกชนเพียงร้อยละ 27 นอกจากนี้ยังพบว่า การเชื่อมโยงระหว่างภาคอุดมศึกษาและหน่วยงานวิจัยของภาครัฐกับภาคอุตสาหกรรมนั้นยังมีความอ่อนแอ พบว่าบริษัทส่วนมากไม่เคยมีความร่วมมือกับสถาบันวิจัยของภาครัฐและมหาวิทยาลัย โดยอาจารย์ในหลายสาขาวิชาของสถาบันอุดมศึกษา ไม่มีประสบการณ์จริงจากการทำงานในภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้การทำวิจัยไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคมในส่วนของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการได้ ทั้งนี้ยังมีปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งคือ นิสิต นักศึกษาที่ได้รับทุนรัฐบาล ต้องมีภาระชดใช้ทุนหลังจบการศึกษา จึงไม่สามารถทำงานกับภาคอุตสาหกรรมได้”
ดร.พิเชฐ กล่าวอีกว่า จึงมีความจำเป็นในการออกมาตรการและนโยบายที่สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคคลด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเร่งด่วนเพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community) ในในปลายปี 2515 รวมถึงการเชื่อมโยงอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างภาคอุดมศึกษาและภาคอุตสาหกรรม (UI links) เป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศในด้านบุคลากรเพื่อรองรับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของภาคการผลิต บริการของภาคอุตสาหกรรมไทย พร้อมกันนี้เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการดูดซับเทคโนโลยีจากบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่เข้ามาจัดตั้งหน่วยวิจัยและพัฒนาขึ้นในประเทศด้วย
“ ทางสวทน.จึงได้จัดตั้งโครงการส่งเสริมบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและการจัดการภาครัฐและสถาบันอุดมศึกษาไปปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันในภาคการผลิตและบริการ (Talent Mobility) ในวันที่ 26 มี.ค. 57 จะเปิดตัว โครงการ(Talent Mobility)และสัมมนาอย่างเป็นทางการ ขึ้นที่โรงแรงสุโกศล งานเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. โดยในงานจะมีกิจกรรม Match - Making ขึ้น ซึ่งเป็นการจับคู่ระหว่างสถานประกอบการกับบุคลากรจากภาครัฐและสถาบันอุดมศึกษา ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานฟรี”
ขอขอบคุณข้อมูล
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9570000030061