ผู้อำนวยการ สกว. กล่าวว่า อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลเป็นอุตสาหกรรมเกษตรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหนึ่ง 100 ปี มีอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่อง สร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนชาวไทยมากกว่า 2 แสนครัวเรือน เป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับประเทศได้มากกว่าแสนล้านบาทต่อปี ดังนั้นการประชุมครั้งนี้จึงเป็นเวทีกลางที่ก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างนักวิจัยและภาคเอกชน รวมทั้งพัฒนาเครือข่ายงานวิจัยด้านอ้อยและน้ำตาล ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลต่อไป โดยถือว่าทุกคนได้มีส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของประเทศไทยให้เกิดความยั่งยืนและมั่นคง เพื่อประโยชน์แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล
การประชุมครั้งนี้มีวิทยากรจากแหล่งผู้ให้การสนับสนุนทุนวิจัย นางสุนันทา สมพงษ์ ผู้อำนวยการกองบริหารแผนและงบประมาณการวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) บรรยายหัวข้อ “นโยบายการวิจัยอ้อยและน้ำตาลของชาติ” เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ที่เข้าร่วมประชุมได้รับทราบถึงความสำคัญ ยุทธศาสตร์ และแนวทางปฏิบัติของการให้ทุนวิจัยอ้อยและน้ำตาล รวมถึงมีวิทยากรซึ่งเป็นนักวิจัยผู้มีผลงานวิจัยด้านอ้อยและน้ำตาล มาบรรยายในหัวข้อต่าง ๆ กัน ประกอบด้วย รศ. ดร.กาญจนา เศรษฐนันท์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น บรรยายในหัวข้อ “โลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล” รศ. ดร.เรวัต เลิศฤทัยโยธิน อาจารย์ประจำภาควิชาพืชไร่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ซึ่งมีผลงานวิจัยที่โดดเด่น คือ การพัฒนาอ้อยพันธุ์สายพันธุ์กำแพงแสน มาบรรยายในหัวข้อ “แนวทางการดำเนินงานวิจัยด้านการปรับปรุงพันธุ์อ้อย” และ รศ. ดร.กัลปพฤกษ์ ผิวทองงาม คณบดีคณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เจ้าของผลงานวิจัยเรื่องการพัฒนาระบบการจัดการไร่นาด้วยระบบต้นทุนและบัญชีฟาร์ม นำเสนอหัวข้อบรรยาย เรื่อง “The Magic of Cane Information”
นอกจากนี้ยังได้มีการจัดเวที “เสวนาวิชาการเพื่อพัฒนางานวิจัยสำหรับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล” โดยมี ดร.พิพัฒน์ วีระถาวร กรรมการสาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา วช. เป็นผู้เนินการเสวนา และมีร่วมเสวนาประกอบด้วย รศ. ดร.กาญจนา เศรษฐนันท์ รศ. ดร.เรวัต เลิศฤทัยโยธิน รศ. ดร.กัลปพฤกษ์ ผิวทองงาม และ ดร.จุฑามาศ อรุณานนท์ชัย คณะทำงานเพื่อจัดตั้งสถาบันวิจัยอ้อย น้ำตาลทรายและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง บริษัท ไทยชูการ์มิลเลอร์ จำกัด ตัวแทนจากภาคเอกชน
ด้านนางสุนันทากล่าวว่า ในปี 2557 ได้กำหนดกรอบการวิจัยในการเพิ่มมูลค่าอ้อยและน้ำตาลไว้ดังนี้ 1) มีการวิจัยและพัฒนาเครื่องจักรกลทางการเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ปลูกอ้อยในประเทศไทย ทั้งการปลูก การเก็บเกี่ยว การลำเลียง และการดูแลรักษา 2) รวบรวมและประเมินเชื้อพันธุกรรมอ้อยอย่างมีระบบอย่างยั่งยืน โดยมีเครือข่ายองค์กรที่ดูแลอย่างถาวรและมีการพัฒนาพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่แต่ละภูมิภาค 3) การศึกษาวิจัยวิธีการเพาะปลูกอย่างมีระบบ เช่น การจัดการดินและธาตุอาหารพืช การควบคุมศัตรูพืช โดยเน้นความยั่งยืนตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว จนถึงการนำเข้าสู่โรงงาน อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านแรงงานและสิ่งแวดล้อม 4) วิธีสร้างความยั่งยืนของสังคมเกษตรกรชาวไร่อ้อย 5) การศึกษาประสิทธิภาพสูงสุดในขบวนการผลิตน้ำตาล โดยคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 6) การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และผลพลอยได้ของอุตสาหกรรมและการศึกษาด้านโภชนาการเกี่ยวกับน้ำตาล 7) การศึกษาวิจัยเชิงเศรษฐศาสตร์เพื่อการกำหนดนโยบายของอุตสาหกรรม
สำหรับการพัฒนาความร่วมมือรัฐกับเอกชนนั้น ภาครัฐและภาคเอกชนต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้นักวิจัยในภาครัฐมีความเข้าใจถึงความต้องการของภาคเอกชนและสังคม อีกทั้งต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนทุนรัฐบาล หรือนักวิจัยในภาครัฐสามารถทำงานกับภาคเอกชนได้ ตลอดจนส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนนักวิจัยระหว่างกันให้มากขึ้น ด้านหน่วยส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยก็ควรให้การสนับสนุนงานวิจัยขั้นพื้นฐานและงานวิจัยต่อยอดเชิงพาณิชย์อย่างสมดุล ขณะที่มหาวิทยาลัยควรปรับปรุงดัชนีชี้วัดความสำเร็จของอาจารย์ โดยเสนอให้มีการแยกตัวชี้วัดของอาจารย์ที่เน้นเรื่องการสอนกับที่เน้นงานวิจัย สำหรับอาจารย์ที่เน้นวิจัยก็ให้เน้นงานวิจัยที่ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมและชุมชน รวมถึงการ ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสร้างแรงจูงใจให้มากขึ้น เช่น ปรับปรุงกระบวนการทางใช้สิทธิภาษีขอคืนร้อยละ 200 ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
ศ. นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
การเสวนาการพัฒนาการวิจัย
ภาพบรรยากาศการประชุม
---------------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ http://www.trf.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=3789:2014-03-26-03-18-40&catid=44:2013-11-25-06-49-47&Itemid=369