24 มี.ค.2557 ผศ. ดร.นิทัศน์ สุขรุ่ง สถานส่งเสริมการวิจัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงการวิจัยโครงการ “การศึกษาพิษและสารก่อภูมิแพ้ทั้งหมดของตัวต่อ ที่คนไทยแพ้” ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากฝ่ายวิชาการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ว่าตัวต่อจัดเป็นแมลงมีพิษที่เป็นอันตรายมากเพราะอาจทำให้ผู้ที่ถูกต่อยมีอาการตั้งแต่เจ็บและบวมบริเวณที่ถูกต่อยไปจนถึงขั้นช็อก ไตวาย และเสียชีวิตได้ โดยเหล็กในซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ปลายสุดของลำตัวของแมลงชนิดนี้มีลักษณะเป็นทรงตรงคล้ายเข็มฉีดยา ซึ่งแมลงจะฉีดพิษเข้าร่างกายของผู้ที่ถูกต่อยทางเหล็กในโดยที่เหล็กในไม่หลุดออกจากลำตัวหลังจากต่อยแล้ว ดังนั้นเมื่อต่อยครั้งหนึ่งแล้วตัวต่อจะถอนเหล็กในออกอย่างรวดเร็วและต่อยซ้ำๆ ติดต่อกันได้อีกหลายครั้ง ซึ่งแตกต่างจากผึ้งที่ต่อยได้เพียงครั้งเดียวและฝังเหล็กในไว้บนผิวหนังแล้วตัวมันเองก็จะตายไป นอกจากนี้ตัวต่อยังสามารถส่งสัญญานเรียกพรรคพวกให้มาช่วยกันรุมต่อยได้อีกด้วย สภาวะเป็นพิษที่เกิดขึ้นจากการถูกตัวต่อต่อยจึงขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่ถูกต่อย และปริมาณพิษที่ได้รับ
โรคภูมิแพ้พิษตัวต่อจัดเป็นภาวะภูมิไวเกินชนิดที่ 1 ที่เกิดโดยสารก่อภูมิแพ้จากต่อมพิษเข้าไปกระตุ้นร่างกายของผู้ที่ถูกต่อยให้เกิดสภาวะภูมิแพ้ ซึ่งสายพันธุ์ของตัวต่อที่พบมากในประเทศไทย คือ ต่อหัวเสือ เมื่อถูกต่อหัวเสือต่อยบางคนอาจรู้สึกเจ็บและบวมเพียงเล็กน้อย และหายได้เองในวันต่อมา บางรายมีอาการปานกลาง ในขณะที่อาการของบางคนรุนแรงมากกว่า เช่น นอกจากจะปวดมากตรงบริเวณที่ถูกต่อย และคันแล้ว อาจมีอาการหน้ามืดเป็นลม มีเหงื่อออกมาก ตัวสั่น หาวบ่อยครั้ง มีลมพิษทั่วตัว และมีไข้ ในรายที่เกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรงมาก ผู้ป่วยจะหายใจลำบาก ตัวเขียวคล้ำ ความดันโลหิตต่ำจนช็อก เกิดภาวะการไหลเวียนของโลหิตล้มเหลว และจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยปกติการวินิจฉัยผู้ป่วยที่สงสัยว่าแพ้พิษของแมลงเช่นตัวต่อจะทำโดยการทดสอบทางผิวหนัง ส่วนการรักษาผู้ป่วยจะทำโดยการฉีดวัคซีนที่เตรียมจากพิษของตัวต่อเข้าทางผิวหนังทีละน้อยต่อเนื่องไประยะหนึ่ง เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยารุนแรงเมื่อถูกต่อยอีกในอนาคต แต่เนื่องจากน้ำยาวินิจฉัยและวัคซีนที่ใช้ในการรักษาในปัจจุบันเป็นน้ำยาที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะมีราคาสูงและหายากแล้ว น้ำยานำเข้าดังกล่าวยังสกัดมาจากตัวต่อต่างสายพันธุ์กับที่พบในประเทศไทยและคนไทยแพ้ จึงทำให้การวินิจฉัยและการรักษาไม่ตรงกับพิษของต่อหัวเสือที่เป็นสาเหตุการแพ้ของคนไทย ดังนั้นการศึกษาถึงสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ จากพิษของต่อหัวเสือ การเตรียมน้ำยาวินิจฉัยและวัคซีนจากต่อหัวเสือให้ตรงกับสารที่คนไทยแพ้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการวินิจฉัย การคัดกรองผู้ป่วย การประเมินสภาวะการแพ้ของผู้ป่วยว่ามากน้อยเพียงใด รวมทั้งช่วยให้สามารถบริหารจัดการด้านการรักษาและการป้องกันผู้ป่วย เพื่อไม่ให้เกิดอาการรุนแรงเฉียบพลันและเสียชีวิตได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดเพราะไม่ต้องซื้อน้ำยาจากต่างประเทศอีกด้วย
ในการศึกษาวิจัยนี้ได้ทำการเก็บต่อมพิษจากต่อหัวเสือและทำการศึกษาโปรตีนทั้งหมดที่มีในต่อมพิษของต่อหัวเสือด้วยวิธีทางโปรตีโอมิกส์ โดยการแยกโปรตีนในต่อมพิษแบบสองมิติตามค่าพีไอและมวลโมเลกุลของโปรตีน พบว่าสามารถแยกโปรตีนในต่อมพิษของต่อหัวเสือได้มากถึง 93 จุด ซึ่งเมื่อนำโปรตีนในจุดเหล่านี้ไปศึกษามวลด้วยวิธีแมสสเปคโตรใมทรี เพื่อวิเคราะห์ชนิดของโปรตีนด้วยการเทียบมวลของโปรตีนกับฐานข้อมูลที่มีอยู่ในระบบสารสนเทศ พบว่าสามารถบอกชนิดของโปรตีนใน 51 จุดได้ ส่วนอีก 42 จุดยังไม่สามารถบอกชนิดได้ เนื่องจากข้อมูลโปรตีนในฐานข้อมูลยังมีจำกัด เมื่อทำการศึกษาสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในพิษของต่อหัวเสือด้วยวิธีทางวิทยาภูมิคุ้มกัน พบว่ามีสารก่อภูมิแพ้ของต่อหัวเสือชนิดใหม่ที่ยังไม่เคยมีรายงานมาก่อนหลายชนิดที่ผู้ป่วยไทยมากกว่าร้อยละ 50 แพ้ เช่นฟอสโฟไลเปสเอหนึ่ง (คนไทยแพ้สารนี้ร้อยละร้อย) อาร์จินีนไคเนส โปรตีนฮีทช็อกที่มีมวล 70 กิโลดัลตัน สารพิษก่อภูมิแพ้หมายเลขห้า ฟอสโฟไลเปสเอหนึ่งแมกนีฟิน เอนไซม์อีโนเลส กลีเซอราลดีไฮด์-3-ฟอสเฟท-ดีไฮโดรจีเนส ไฮอาลูโรนิเดส และฟรุกโตสไบฟสอสเฟทอัลโดเลส
“ข้อมูลเหล่านี้ที่ค้นพบเหล่านี้นอกจากจะเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบของสารพิษและสารก่อภูมิแพ้ในพิษของตัวต่อที่พบในประเทศไทยและคนไทยแพ้แล้ว ยังนำไปสู่การพัฒนาวัคซีนรักษาการแพ้พิษของต่อหัวเสืออย่างเฉพาะเจาะจงในผู้ป่วยต่อไป” ผศ. ดร.นิทัศน์กล่าวสรุป
-------------------------------------------------------
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ http://www.komchadluek.net/detail/20140324/181532/เล็งศึกษาวิจัยทำวัคซีนแก้แพ้พิษต่อหัวเสือ.html#.Uzu036h_sm0
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) |
National Research Council of Thailand (NRCT) |
196 ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 |
196 Paholyotin rd., Chatuchak, Bangkok 10900 |
โทร. 02-561-2445 ต่อ 711, 712 | [email protected] |
Tel.02-561-2445 ext. 712, 714 | [email protected] |