ปลานิลในแคปซูล

          แคลเซียมเสริมอาหารจากกระดูกปลา ผลงานนักวิจัยไทยที่อิงกับสำนวนกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว คือคนไทยเข้าถึงแคลเซียมราคาถูกแต่ประสิทธิภาพสูงและการสร้างมูลค่าให้กับของเหลือทิ้ง จากเดิมส่งขายไปทำปุ๋ยและอาหารสัตว์ในราคาไม่ถึง 6 บาทต่อกิโลกรัมก็ขยับขึ้นมาอีก 20-30 เท่าตัว

          โครงการวิจัยแคลเซียมจากกระดูกปลาป่นนี้มีชื่อเต็มๆ ว่า โครงการศึกษาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกระดูกปลาป่น เปรียบเทียบกับแคลเซียมชนิดรับประทานในการรักษาภาวะกระดูกพรุน สำหรับประชาชนและผู้นำศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการบูรณาการระหว่าง คณะอุตสาหกรรมเกษตรกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กองทัพบก โดยทุนสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)

 

วิจัยต้านกระดูกพรุน

          พลตรี.นพ.สายัณห์ สวัสดิ์ศรี เสนาธิการ ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า กรมแพทย์ทหารบก กล่าวถึงที่มาของแนวคิดการพัฒนาแคปซูลเสริมแคลเซียมจากกระดูกปลาป่นว่า มาจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ทำให้ประชาชนเข้าถึงการดูแลสุขภาพน้อย ขาดหลักการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องเหมาะสม ขาดแม่แบบด้านสุขภาพที่ดี ส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังสูง ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน โรคความดัน ไขมันในเลือดสูงและภาวะกระดูกพรุน

ฉะนั้น หากสามารถหารูปแบบการดูแลภาวะกระดูกพรุนได้ จะเป็นต้นแบบในการดูแลป้องกันสุขภาพจากโรคเรื้อรังต่างๆ ให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ

ส่วนเหตุที่เลือกใช้กระดูกปลานิลในการวิจัย เพราะว่าเป็นปลาที่มีโปรตีนสูง แพร่พันธุ์ง่าย ทนทานโรค โดยในแต่ละปีประเทศไทยผลิตปลานิลได้ปีละประมาณ 1.7-2.0 แสนตัน ตัดปัญหาวัตถุดิบกระดูกปลาขาดแคลน จึงมีความน่าสนใจ และมีความเป็นไปได้สูงหากนำไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

"ทีมวิจัยมองเห็นโอกาสที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกระดูกปลานิล โดยนำมาสกัดเป็นผงแคลเซียมบรรจุในแคปซูล แทนการขายราคาถูกให้กับโรงงานผลิตปุ๋ยและอาหารสัตว์" พลตรี.นพ.สายัณห์ หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าว

          ทั้งนี้ กระบวนการผลิตแคลเซียมทำได้โดยนำกระดูกปลามาล้างทำความสะอาด หลังจากนั้นแช่ในสารละลายกรดอ่อนและด่างอ่อน ล้างด้วยน้ำไหล นำไปต้มที่อุณหภูมิ 70-80 องศาเซลเซียสประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำไปอบที่อุณหภูมิ 50-60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 6-7 ชั่วโมง

จากนั้นจึงนำกระดูกที่ผ่านการอบแห้งแล้ว มาทำการบดให้ละเอียดเป็นผงแคลเซียม และเก็บในภาชนะบรรจุที่แห้งปิดสนิท ในกระบวนการผลิตผงแคลเซียมจากกระดูกปลา ต้องมีการตรวจคุณภาพทั้งด้านกายภาพ เคมีและจุลินทรีย์ เช่น สี ปริมาณแคลซียมต่อฟอสฟอรัส และแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค เป็นต้น

เคล็ดสำเร็จ "วิจัยลงหิ้ง"

          ทีมวิจัยได้ศึกษาเปรียบเทียบกระดูกปลานิลป่นกับผลิตภัณฑ์แคลเซียมในตลาด พบว่า แคลเซียมจากปลานิลป่นเป็นแคลเซียมที่ดี มีผลข้างเคียงต่ำทั้งอาการท้องผูก คลื่นไส้ อาเจียน ขณะที่ประสิทธิภาพการต้านภาวะกระดูกพรุนเป็นที่น่าพอใจ ผลวิจัยครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้แคปซูลปลานิลเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทดแทนแคลเซียมนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาแพงและมีผลข้างเคียง

          "โครงการวิจัยชิ้นนี้กำหนดแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ ขณะนี้อยู่ขั้นตอนการวิจัยทางคลินิกระยะสุดท้าย หรือทดสอบกับอาสาสมัคร เพื่อดูผลด้านการดูดซึมเข้าร่างกาย ระดับการตอบสนองของร่างกาย" นักวิจัยกล่าว

เคล็ดลับที่ทำให้งานวิจัยประสบความสำเร็จรวดเร็ว พลตรี นพ.สายัณห์ ประเมินว่า โดยหลักแล้วมาจากการทำงานแบบบูรณาการ จึงสามารถเชื่อมโยงหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องมารวมกันได้ ทำให้การทำงานสะดวก รวดเร็วขึ้น เช่น การสกัดปลานิลป่นเป็นหน้าที่ของคณะอุตสาหกรรมการเกษตร แต่ถ้าเป็นการทดลองในคนจะเป็นหน้าที่แพทย์ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในพื้นที่ ส่งผลให้การทำงานคล่องตัว

          อย่างไรก็ตาม แม้โครงการวิจัยจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็ได้รับความสนใจจากบริษัทยารายใหญ่ของไทย ที่จะเข้ามาต่อยอดงานวิจัยชิ้นนี้ในเชิงพาณิชย์ โดยอาจจะผลิตเป็นเม็ดอาหารเสริมหรือบรรจุแคปซูลในรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม จากนั้นจึงส่งจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งระบบเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุข

******************************************

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/587954