มข. จับมือ สกว. จัดตั้งศูนย์วิจัยอ้อยภาคอีสาน

มข. และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการการจัดตั้งศูนย์วิจัยอ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของประเทศ

           ศ.นพ.วีระชัย  โควสุวรรณ  รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น และดร.จันทรวิภา  ธนะโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการการจัดตั้งศูนย์วิจัยอ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของประเทศ  เมื่อวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2557 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมสิริคุณากร 3 ชั้น 2 อาคารสิริคุณากร สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น  

           รศ.ดร.สนั่น จอกลอย อาจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น  กล่าวรายงานว่า  “การจัดตั้งศูนย์วิจัยอ้อยและน้ำตาล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนี้เป็นที่น่ายินดีเพราะจะมีบทบาทที่สำคัญต่อการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของภูมิภาคนี้และของประเทศ  เนื่องจากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทยในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาทั้งอุตสาหกรรมการผลิตอ้อยและอุตสาหกรรมน้ำตาล และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง  เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากบราซิล สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 180,000 ล้านบาท ซึ่งหากคิดมูลค่าจากอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้แก่ การผลิตไฟฟ้า ไม้อัด กระดาษ เอทานอล สุรา ซอส ซีอิ๊ว อาหารสัตว์ และปุ๋ยอินทรีย์ สามารถสร้างมูลค่าได้นับแสนล้านบาท และมีส่วนสร้างงานได้มากกว่า 1 ล้านคน นับว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีผลต่อเศรษฐกิจประเทศเป็นอย่างมาก การแข่งขันนับวันยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น  จึงถือเป็นโอกาสของไทยที่จะดำรงความเป็นผู้นำ และพัฒนาอุสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล รวมทั้งอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ให้ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ”

          “มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในฐานะสถาบันอุดมศึกษาหลักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่การผลิตอ้อยมากที่สุดของประเทศ   สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย จึงได้ให้การสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์วิจัยอ้อยและน้ำตาล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขึ้นในมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยจัดสรรงบประมาณ 9 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการวิจัย การประสานงาน และการสร้างและพัฒนานักวิจัย ในระยะที่ 1 เป็นเวลา 3 ปี และมหาวิทยาลัยได้จัดสรรงบประมาณสมทบในการดำเนินงานภายใต้การดำเนินงานของศูนย์วิจัยอ้อยและน้ำตาล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 9 ล้านบาทในระยะเวลา 3 ปี เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานวิจัยอ้อยและน้ำตาล เป็นแหล่งข้อมูลทางวิชาการด้านอ้อยและน้ำตาลของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจนมีบทบาทในการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ เทคโนโลยีด้านอ้อยและน้ำตาลเพื่อสนองตอบต่อการแก้ปัญหา โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีผ่านสื่อต่างๆและการฝึกอบรม ตลอดจนการสนับสนุนการผลิตนักวิจัยในระดับปริญญาโท และปริญญาเอกต่อไป”

          ศ.นพ.วีระชัย  โควสุวรรณ  รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น  กล่าวว่า  “มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้สนับสนุนทุนวิจัยเพื่อพัฒนาอ้อย น้ำตาล และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องต่างๆ มีการบริหารจัดการห่วงโซ่มาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี  มีส่วนช่วยพัฒนาบุคลากรป้อนตลาดงานในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล สร้างความเข้มแข็งทางวิชาการ จนได้รับการยอมรับในแวดวงวิชาการด้านนี้  ทำให้นักวิจัยส่วนหนึ่งได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากแหล่งทุนภายนอก รวมทั้ง สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล (สอน.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานกองทุนวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น  ขณะนี้มี 4 โครงการ  โครงการแรก คือ  การวิจัยและพัฒนาธุรกิจการทำไร่อ้อย เพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล   โครงการที่สอง การประเมินพันธุ์อ้อยดีเด่น โดยใช้ลักษณะทางสรีรวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวที่เหมาะสมกับพื้นที่ภาคอีสานร่วมกับการคัดเลือกโดยเกษตรกร  โครงการที่สาม  การส่งเสริมการเจริญเติบโตของอ้อยในสภาพแปลงทดลองด้วยจุลินทรีย์  และโครงการสุดท้าย โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยด้วยการจัดการดินและศัตรูพืช”

          ศ.นพ.วีระชัย  โควสุวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า  “ผลจากการวิจัยในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความพร้อมทั้งด้านวิชาการ บุคลากร และปัจจัยเกื้อหนุนด้านต่างๆ ในระดับหนึ่ง จึงได้เกิดการประสานงานกับสกว.ขึ้น โดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์วิจัยชั้นนำด้านอ้อยและน้ำตาลของเอเชีย  และข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นเครื่องมือในการผลักดันและขับเคลื่อนให้เกิดการวิจัยด้านอ้อยและน้ำตาล แก้ปัญหาท้องถิน ตลอดถึงภูมิภาคและประเทศชาติ ทั้งจะเกิดผลงานวิจัยที่มีคุณภาพมาตรฐานในระดับสากลควบคู่กันไป”

          ดร.จันทรวิภา  ธนะโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย  กล่าวว่า  “มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีนักวิชาการหลากหลายด้าน ทั้งได้ทำวิจัยเรื่องอ้อยน้ำตาลร่วมกับผู้ประกอบการ และหน่วยงานอื่นๆ ในภาคอีสานมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้จัดตั้งเป็นเครือข่ายที่ชัดเจน สกว.เล็งเห็นว่าปัจจุบันหน่วยงานวิจัยในประเทศไทยได้มีการรวมตัวกัน ทั้งรัฐบาลก็สนับสนุนทุนวิจัยด้านอ้อยและน้ำตาล มาตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ร่วม 100 ล้านบาท  แต่นักวิจัยยังมีจำนวนน้อยมากที่เข้าไปขอรับทุนสนับสนุน  ทำให้งานวิจัยด้านอ้อยและน้ำตาล จึงยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการได้มากพอ  ศูนย์วิจัยอ้อยและน้ำตาลที่จะจัดตั้งขึ้นนั้น มหาวิทยาลัยขอนแก่น  จะมีหน้าที่เป็นศูนย์กลางสร้างเครือข่ายและพัฒนานักวิจัย ให้ทำงานวิจัยจนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้  ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลเข้าการแข่งขันในตลาดโลกได้”

“สกว.เพิ่งได้ทำงานด้านอ้อยและน้ำตาล  เมื่อได้รับทุนจากรัฐบาลเพิ่มเป็นพิเศษ  ส่วนมากได้ทำเพียงเรื่องวิชาการ  แต่นักวิจัยอยู่ในมหาวิทยาลัยในภูมิภาค สำนักงานอ้อยและน้ำตาล ศูนย์วิจัยพืชอ้อยและน้ำตาล และอยู่ในโรงงานอ้อยและน้ำตาล  ดังนั้นเพื่อให้เกิดการร่วมมือกันในทุกภาคส่วน  ศูนย์วิจัยอ้อยและน้ำตาล จึงจะเป็นเวทีที่ทุกคนจะเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทำความรู้จักกัน และหาโจทย์วิจัยทำร่วมกันคือความคาดหวังสูงสุด  เพราะว่าการทำงานวิจัยด้านอ้อยและน้ำตาลในประเทศไทย ต้องมีการบูรณาการการทำวิจัยร่วมกัน ต้นน้ำการปลูก การแปรรูป และปลายน้ำคือการตลาด ต้องทำร่วมกัน  มีการทำโร้ดแม็ปร่วมกัน จะต้องมองภาพให้เห็นร่วมกัน  ความคาดหวัง คือสร้างเครือข่าย ไปขอรับเงินสนับสนุนการวิจัย และผู้ประกอบการเอาไปใช้ประโยชน์ได้ หลังจากนั้น พอสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายได้ สร้างนักวิจัยได้  จะทำให้ประเทศชาติจะได้นำเอาผลของงานวิจัยมาใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง”

ขอขอบคุณข้อมูล

http://www.kku.ac.th/news/v.php?q=0006693&l=th