“วัคซีนพืช” สุดยอดนวัตกรรมไทย คว้ารางวัลระดับเวิลด์คลาส ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เตรียมขยายตลาดไปยังประเทศจีน คาดว่าสร้างรายได้มากกว่า 80 ล้านบาท ในช่วงปีแรก

“วัคซีนพืช” สุดยอดนวัตกรรมไทย คว้ารางวัลระดับเวิลด์คลาส ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เตรียมขยายตลาดไปยังประเทศจีน คาดว่าสร้างรายได้มากกว่า 80 ล้านบาท ในช่วงปีแรก

alt  alt  alt

9 มิถุนายน 2558  : ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานงานแถลงข่าว “สุดยอดนวัตกรรมไทย คว้ารางวัลระดับเวิลด์คลาส” ความสำเร็จของผู้ประกอบการไทยที่สามารถคว้ารางวัลเหรียญทอง Gold Medal, “Vaccin Pour Plantes” DIPLOME INVENTIONS GENEVA. ในงาน International Exhibition of Inventions Geneva ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ครั้งที่ 43 ซึ่งผู้ประกอบการไทยที่ได้รับรางวัลได้แก่ บริษัท กรีน อินโนเวทีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด (GIB) ผู้ผลิตและพัฒนานวัตกรรมวัคซีนสำหรับพืชในนาม “BIG” แร่ธาตุอาหารเสริมระดับนาโนที่ออกฤทธิ์เป็นยาและวัคซีนสำหรับพืช สามารถสร้างภูมิต้านทานและป้องกันต้านทานต่อการเข้าทำลายของโรค แมลงและสภาพอากาศที่ไม่เหมาะสม ส่งเสริมให้พืชมีคุณภาพและปริมาณผลผลิตมากขึ้น เตรียมพร้อมขยายตลาดไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งคาดว่าในปีแรกจะสร้างรายได้มากกว่า 80 ล้านบาทในช่วงปีแรก 

alt  alt  alt

 ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า เป็นบทพิสูจน์อีกก้าวหนึ่งของผู้ประกอบการภาคเอกชนไทยนำเอางานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาพัฒนาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจนเป็นที่ยอมรับในระดับ World Class ผ่านช่องทางการประกวดในเวทีนวัตกรรมต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ จนเป็นที่มาของการร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงทางการค้าระหว่างบริษัท GIB กับ บริษัทจีโอมิโก้ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศมาเลเซีย) เพื่อมอบสิทธิในการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “BIG : วัคซีนพืช” ในประเทศจีน เป็นระยะเวลา 3 ปี คิดเป็นมูลค่าในปีแรกสามารถสร้างรายได้มากถึง 80 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งความสำเร็จของบริษัทฯ ในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือและการให้บริการต่างๆ จาก สวทช.เกือบครบวงจร โดยในช่วงแรกโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ได้เข้ามามีส่วนช่วยในการทดสอบและหาสูตรคำนวณผสมสูตรวัคซีนเข้ากับปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อให้ออกฤทธิ์ได้ยาวนานถึง 4 เดือน และสิ่งสำคัญสามารถลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีได้มากถึง 50 % นอกจากนี้ยังมีในส่วนการพัฒนาต่อยอดสู่ความเป็นเลิศในการเป็นผู้ประกอบการเทคโนโลยี โดยศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ สวทช. ได้ทำการโค้ชจากพี่เลี้ยงเพื่อเตรียมตัว Pitching หรือการนำเสนอผลงานในงานประกวดในเวทีระดับสากลต่าง ๆ  และกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการส่งเข้าอบรมจากโค้ช ระดับโลก ในโครงการ Leaders in Innovation Fellowships (LIF)  รุ่นที่ 1 จาก Newton Fund ประเทศอังกฤษ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลสุดยอดนวัตกรรมทั้งในประเทศและการต่างประเทศ จำนวน 8 รางวัล จาก 4 เวทีการประกวด ในช่วง  1 ปีที่ผ่านมา 

alt  alt  alt

ดร.ทวีศักดิ์ฯ กล่าวเพิ่มว่า และอนาคตอันใกล้นี้ บริษัท GIB มีแผนที่จะพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ ในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ (ไบโอเทค/สวทช.) ด้านกระบวนการคีเลต เพื่อปรับแร่ธาตุเคมีต่างๆ โดยคัดสรรเฉพาะส่วนประกอบที่จำเป็นมาบรรจุอยู่ในรูปของแร่ธาตุอินทรีย์พร้อมใช้สำหรับพืช เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีนพืชให้ดียิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สวทช.พยายามมุ่งเน้นงานวิจัยให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงพัฒนางานวิจัยที่สามารถรับมือกับสภาพปัญหาได้ทันเหตุการณ์   ทั้งในแง่การคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ไปล่วงหน้า และการสนับสนุนภาคเอกชนในด้านการบริการวิจัยให้เอกชน การรับจ้างทดสอบ หรือแม้กระทั่งการร่วมลงทุนตั้งบริษัทกับเอกชน เพื่อนำนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว และโดยอาศัยองค์ความรู้และงานวิจัยต่างๆ ที่ สวทช.ได้ริเริ่มดำเนินการไว้ และการทำงานที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานหลักๆ ในภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศเป็นต้น ดร.ทวีศักดิ์ กล่าวฯ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ

http://www.nstda.or.th/news/20334-nstda