15 องค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.เฉพาะ จัดเวทีประชุมวิชาการสานพลังเครือข่าย เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการทำงานร่วมกัน สู่การพัมนาประเทศใน 4 มิติ ทั้งวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การศึกษา สุขภาพ และกองทุนสนับสนุน
26 พฤศจิกายน 2558 --- นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานคณะอนุกรรมาธิการเศรษฐกิจกระแสใหม่ อนุกรรมาธิการเศรษฐกิจสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการ ทอพ. ประจำปี 2558 และปาฐกถาพิเศษ “องค์กรตามพระราชบัญญัติเฉพาะ : พลังเครือข่ายเพื่อการพัฒนาประเทศ” ซึ่งจัดโดย 15 องค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ณ ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช.
ศ. นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในฐานะประธานการจัดประชุมวิชาการ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดประชุมครั้งนี้เพื่อเพื่อสังเคราะห์องค์ความรู้จากเครือข่ายองค์กรตามพระราชบัญญัติเฉพาะในบริบทของภารภิจต่อการพัฒนาประเทศ 4 มิติ คือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านการศึกษา ด้านสุขภาพ และด้านกองทุนสนับสนุน (เศรษฐกิจอื่นๆ) ตลอดจนพัฒนาแนวทางการเชื่อมโยง ประสานพลัง และเสริมสร้างความเข้มแข็ง ในการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรฯ เสริมสร้างความสัมพันธ์ของเครือข่ายบุคลากรขององค์กร อีกทั้งเป็นเวทีร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และถ่ายทอดบทเรียน ความคิดเห็นเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศระหว่าง 15 องค์กรของรัฐฯ
ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการปฏิรูป และเปลี่ยนแปลงประเทศสู่การเติบโตในทุกด้านอย่างสมดุล ภายใต้การหนุนเสริมซึ่งกันและกันของภาคีเครือข่าย อันเป็นแนวทางที่ทรงพลังและเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ เชื่อว่าการประชุมในครั้งนี้จะเป็นแนวคิดและแรงบันดาลใจแก่หน่วยงานในการมีธรรมาภิบาลให้เป็นที่ยอมรับของสังคมในสถานการณ์ปัจจุบัน เชื่อว่าความร่วมมือและการประชุมในครั้งนี้จะสามารถดึงจุดดีจุดเด่นของทุกองค์กรซึ่งมีภารกิจที่หลากหลายมาประสานเสริมกันเป็นพลังเครือข่ายในการสนับสนุนและพัฒนาประเทศอันเป็นเป้าหมายร่วมกัน บนรากฐานที่มั่นคงของการรักษาคุณภาพมาตรฐานและการมีธรรมาภิบาล ซึ่งทั้งเครือข่ายและธรรมาภิบาลมีความสำคัญยิ่งทั้งในระบบบริหารองค์กรและการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อการพัฒนาประเทศที่ทรงพลัง และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ชื่อ ทอพ. เป็นที่รู้จักและยอมรับเชื่อถือ เป็นเสียงทางวิชาการที่มีคุณค่าและมีบทบาทในการพัฒนาสังคมประเทศชาติ
นายปีติพงศ์ กล่าวว่า นโยบายสำคัญของ คสช. วางรากฐานที่มั่นคงให้กับประเทศไทย พ้นจากวงจรทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่ต้องเผชิญตลอดเวลา พร้อมที่จะเดินต่อไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน จากบทเรียนขององค์กรตามพ.ร.บ.เฉพาะ อาจจะค้นพบเครื่องมือ กลไก หรือแนวทางใหม่ ที่เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการปฏิรูปประเทศให้ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้อยากให้ใช้พลังความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ ท่ามกลางบริบทของโลกถูกขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วภายใต้การขยายของทุน และไม่ควรพึ่งพาคนอื่นมากเกินไป อยากให้เน้น 3 เรื่อง คือ ธรรมาภิบาลแก้ไขปัญหาทุจริตตั้งแต่ระดับเยาวชน การเมือง และการขจัดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีพื้นฐานที่สำคัญคือ เศรษฐกิจดิจิตอล และเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ความกินดีอยู่ดี การแพทย์และอื่นๆ อีกมากมาย ถ้ารวมพลังกันก็จะสามารถปรับโฉมหน้าจากความถนัดของเราได้เป็นอย่างดี สุดท้ายคือการนำพลังของทุนปัญญาทางสังคมมารังสรรค์ภาคส่วนต่าง ๆ เป็นเครื่องมือและจุดขายของตัวเอง
การดำเนินงานบนรากฐาน 3 ประการ ได้แก่ การปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกับวาระของอนุกรรมาธิการเศรษฐกิจสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ การใช้องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการบริหารจัดการให้เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการพิจารณาขับเคลื่อนวาระสำคัญ จึงอยากเชิญชวนให้เครือข่าย ทอพ. มาร่วมกันปรับปรุงประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับวาระสำคัญที่กำหนดขึ้น รวมถึงการปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมาย
สำหรับกิจกรรมสำคัญในครั้งนี้ประกอบด้วย การเสวนาหัวข้อ “การมีองค์กรพระราชบัญญัติเฉพาะได้มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาประเทศอย่างไรบ้าง” โดยผู้บริหาร 4 องค์กร ตัวแทนกลุ่มพันธกิจหลักขององค์กรตาม พ.ร.บ. เฉพาะ 15 องค์กร: ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษา สุขภาพ และเศรษฐกิจอื่น ๆ ซึ่งกล่าวว่าองค์กรตามพระราชบัญญัติเฉพาะเป็นพัฒนาการที่สำคัญขององค์กรภาครัฐที่สะท้อนแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่ ซึ่งมีภารกิจการทำงานเพื่อประเทศชาติ โดยมีจุดเด่นคือ ลักษณะการดำเนินงานที่ยืดหยุ่น มีอิสระคล่องตัว เพิ่มการกระจายอำนาจและการทำงานลักษณะเครือข่าย เน้นประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการบริหารจัดการ ดังนั้นการมีองค์กรในลักษณะเช่นนี้จะสามารถช่วยสนับสนุนการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะใน 4 มิติที่สำคัญ ได้แก่ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษา สุขภาพ และเศรษฐกิจอื่น ๆ
นอกจากนี้ยังมีการปฐกถาและเสวนาถึงบทบาทขององค์กรตามพระราชบัญญัติเฉพาะที่มีต่อการพัฒนาประเทศ วิสัยทัศน์ ผลงานและคุณค่า พร้อมเป้าหมายที่ท้าทายในอนาคต การปาฐกถาหัวข้อ “ธรรมภิบาลขององค์กรตามพระราชบัญญัติเฉพาะ” โดย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. ทศพร ศิริสัมพันธ์ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี การเสวนา หัวข้อ “ธรรมาภิบาลขององค์กรตามพระราชบัญญัติเฉพาะ สร้างสมดุลของประสิทธิภาพ และการตรวจสอบ” โดยตัวแทนฝ่ายผู้ตรวจสอบ และตัวแทนองค์กรตาม พ.ร.บ. เฉพาะ ทั้งนี้องค์กรตามพระราชบัญญัติเฉพาะมีลักษณะการดำเนินงานที่ยืดหยุ่น มีกฎหมายรองรับในบริบทที่แตกต่างกัน แต่ทุกองค์กรดำเนินงานภายใต้หลักธรรมภิบาล โดยตระหนักเสมอว่างบประมาณของแผ่นดินที่ได้รับการจัดสรรมาต้องมีการใช้อย่างมีธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเกิดประโยชน์กับประชาชนและการพัฒนาประเทศมากที่สุด ร่วมรับฟังการปฐกถาถึงแนวทางการสร้างธรรมาภิบาลขององค์กรตามพระราชบัญญัติเฉพาะ และการเสวนาแลกเปลี่ยนแนวคิดการสร้างธรรมาภิบาลผ่านมุมมองขององค์กรผู้ปฏิบัติงานและองค์กรที่ทำหน้าที่ด้านการตรวจสอบ ทั้งกรมบัญชีกลางและ สตง. เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพขององค์กรฯ และการตรวจสอบการดำเนินงานให้มีความถูกตามระเบียบเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
ศ. นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานคณะอนุกรรมาธิการเศรษฐกิจกระแสใหม่ อนุกรรมาธิการเศรษฐกิจสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ